ข่าวประชาสัมพันธ์

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมราชการโครงการเน็ตประชารัฐ
พล.อ.อ. ประจินฯ ครม.สัญจรเน็ตประชารัฐ จ.น่าน ย้ำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พัฒนาประเทศ อย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง

     วันที่ 29 ตุลาคม 2561 พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ตรวจเยี่ยมราชการโครงการเน็ตประชารัฐของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่บ้านซาวหลวง ต.บ่อสวก อ.เมือง จ.น่าน เพื่อติดตามความก้าวหน้าการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายเน็ตประชารัฐ ในการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนชุมชนในพื้นที่ สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับชุมชน โดย “ต่อยอดอดีต” นำอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติ  พร้อมกับการ “ปรับปัจจุบัน” โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สอดรับกับเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่  และรวมถึงการสร้าง “คุณค่าใหม่ในอนาคต” โดยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบวิสาหกิจในชุมชน ปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด นำไปสู่การยกระดับรายได้ การกินดีอยู่ดี และความยั่งยืนของชุมชน โดยมี นายวรกิตติ  ศรีทิพากร ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน  น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที นายมรกต เธียรมนตรี และนางพิมพ์วิมล วงษ์สุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที ร่วมตรวจเยี่ยมในครั้งนี้

     พล
.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า โครงการ เน็ตประชารัฐ เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมหลักของประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  มีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล โดยมีวิสัยทัศน์ คือ ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

      ทั้งนี้ โครงการเน็ตประชารัฐ รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ขยายติดตั้งอินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลใยแก้วครอบคลุม 24,700 หมู่บ้านทั่วประเทศ  โดยมีระยะทางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงยาวถึง 109,467 กิโลเมตร สามารถเพิ่มการเข้าถึงเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้กับประชาชนถึง 443,756 จุด  โดยประชาชนในพื้นที่โครงการเน็ตประชารัฐจะได้รับประโยชน์โดยตรงในการใช้บริการอินเทอร์ เน็ตความเร็วสูง ขยายสร้างโอกาสให้กับภาคประชาชน ชุมชน และวิสาหกิจชุมชน ในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และบริการต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

     พล
.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดน่านเป็นจังหวัดในกลุ่มยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคเหนือตอนบน ซึ่งมีแผนพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ เป็นฐานผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยลดการใช้สารเคมี และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คืบความอุดมสมบูรณ์  รวมถึงการส่งเสริมสร้างรายได้ในรูปแบบของกลุ่มอาชีพและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเอง ได้และมีคุณภาพชีวิต ที่ดีมีคุณภาพ โดยพื้นที่จังหวัดน่านได้ติดตั้งตามโครงการฯ จำนวน 141 หมู่บ้าน รวมถึงได้จัดอบรมให้กับผู้นำและประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายเน็ตประชารัฐจำนวน 566 คน 

      ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถิติการใช้งานตามจุดติดตั้งเน็ตประชารัฐของจังหวัดน่านเฉลี่ย/จุด/เดือนประมาณ 120 ครั้ง สำหรับตำบลบ่อสวกได้ติดตั้งโครงข่ายเน็ตประชารัฐไปแล้วจำนวน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 11 นาปงพัฒนา/หมู่ 5 ซาวหลวง/  หมู่ 7 นามน และหมู่ 8 หนองโต ทั้งนี้ ปัจจุบัน ชุมชนบ่อสวกนับเป็นต้นแบบของชุมชนในจังหวัดน่าน ที่ประสบความสำเร็จมีการพัฒนาไปสู่ฐานผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยลดการใช้สารเคมี และรวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างพัฒนาและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าในชุมชน  โดยชุมชนและคนในชุมชนมีความร่วมมือสอดประสาน มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และมีการพัฒนาส่งเสริมการประกอบอาชีพ ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์สู่โอทอป นวัตวิถี และพร้อมที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าร่วมกัน เพื่อนำชุมชนไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตโดยมีภาครัฐให้การสนับสนุน  

      น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การติดตั้งขยายโครงข่ายเน็ตประชารัฐของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. การติดตั้งขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (FTTx) จำนวน 24,700 หมู่บ้าน ที่ระดับความเร็วไม่ต่ำกว่า 30 Mbps/10 Mbps (Download/Upload)  โดยรัฐบาลมีนโยบายที่จะเปิดให้ผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. สามารถเชื่อมต่อจากโครงข่ายเน็ตประชารัฐไปยังบ้านเรือนของประชาชน (Open  Access  Network) และ 2.การติดตั้งให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง  โดยไม่คิดค่าใช้บริการกับประชาชนและชุมชนอย่างน้อยหมู่บ้านละ 1 จุด ที่ระดับความเร็วไม่ต่ำกว่า 30 Mbps/10 Mbps (Download/Upload) โดยมีระยะรับสัญญาณบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ขึ้นกับอุปกรณ์ที่ใช้งาน อาทิ โทรศัพท์มือถือ-แท็บเล็ต ใช้ได้ไกลจากจุดติดตั้ง wifi ประมาณ 20-30 เมตร และโน๊ตบุค ใช้ได้ไกลจากจุดติดตั้ง wifi ประมาณ 50-80 เมตร ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนลงทะเบียนสมัครใช้งานเน็ตประชารัฐ จำนวนกว่า 4,500,000 ราย นอกจากนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานจากโครงข่ายเน็ตประชารัฐได้อย่างมีคุณภาพ กระทรวงดีอี ได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการโครงข่ายเน็ตประชารัฐ Real-time ซึ่งเป็นระบบการบำรุงรักษาเครือข่ายและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่งระบบจะตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของโครงข่ายและอุปกรณ์ พร้อมแสดงข้อมูลแบบเวลาจริง  (real-time) และประมวลผลการใช้งานแบบอัตโนมัติ (Auto Refresh) ทุก 10 นาที ซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ จะแก้ไขปัญหาหรือส่งต่อเพื่อดำเนินการแก้ทันที  ทั้งนี้ ภายในศูนย์ฯ จะมี Call Center หมายเลข 1111 กด 88 รับแจ้งเหตุขัดข้อง ให้ข้อมูลตอบข้อซักถาม และแนะนำปรึกษาการใช้งานเบื้องต้นตลอด 24 ชั่วโมง  รวมถึงเจ้าหน้าที่เทคนิคที่จะเฝ้าระวัง ให้คำแนะปรึกษาปัญหาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต และแก้ไขปัญหาเหตุขัดข้องให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เน็ตประชารัฐ

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนตำบลมะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
อ่านต่อ
NT

รมว.ดีอีเอส นำ ผู้บริหาร และพนักงาน NT ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อ่านต่อ
ข่าวประชาสัมพันธ์

NT เปิดตัวบริการ “Health Link” ระบบเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยสถานพยาบาลรัฐ-เอกชนกว่า 100 แห่ง
อ่านต่อ
ข่าวประขาสัมพันธ์

ธนาคารออมสิน จับมือ NT ร่วมพัฒนาสังคม ชุมชน ผ่านโครงการ CSR พร้อมนำชุมชน เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้กับชุมชน
อ่านต่อ
รางวัล

NT ได้รางวัลรับรองมาตรฐานการให้บริการของศูนย์ราชการสะดวก (GECC) ประจำปี 2564 ให้แก่หน่วยงานที่ผ่านการรับรอง
อ่านต่อ