วันที่ 5 มกราคม 2561 ที่ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานใหญ่ ทีโอที แจ้งวัฒนะ บมจ.ทีโอที และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส พร้อมกลุ่มบริษัทในเครือ บรรลุเป้าหมายการเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกันอย่างเป็นทางการ ประกาศลงนามสัญญา 2 ฉบับ โดยเป็นการลงนามระหว่าง ดร.มนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที และนายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร ผู้รับมอบอำนาจในนาม บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ทั้งนี้ สัญญา 2 ฉบับ ประกอบด้วยสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์เพื่อให้บริการโทรคมนาคม และสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศระบบ 2100 MHz โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ ทีโอที และบริการที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศ สนับสนุนต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ รวมทั้งเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีและคุณภาพการให้บริการของทั้งสองบริษัทให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน โดยมีผู้บริหารของทั้งสองหน่วยงานร่วมงานในครั้งนี้
ดร.มนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลโดย คณะกรรมการ นโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) มีนโยบายให้ ทีโอที เพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจโดยการใช้ทรัพย์สินเดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งพันธมิตรธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหนึ่งในการสร้างโอกาสให้องค์กรอยู่รอดและสร้างความเข้มแข็ง ทั้งนี้ ทีโอที ต้องขอขอบคุณสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ได้พิจารณาตรวจร่างและให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เพื่อปรับแก้ไขสัญญาทั้งสองฉบับให้กับ ทีโอที จนกระทั่ง คณะกรรมการ บมจ. ทีโอที มีมติให้ ลงนามในสัญญาพันธมิตรธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2100 MHz กับบริษัทในเครือเอไอเอส ซึ่งได้แก่ สัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์เพื่อให้บริการโทรคมนาคม และสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศ (Roaming) ระยะเวลาสัญญาจนถึงปี 2568 โดยกลุ่มบริษัทในเครือเอไอเอส จะเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาเครื่องและอุปกรณ์ทั้งหมดตามมาตรฐานที่ ทีโอที กำหนด ทั้งนี้ ทีโอที มีแผนการใช้งานความจุของโครงข่ายร้อยละ 20 ของ ความจุโครงข่ายทั้งหมด ด้วยการนำไปพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการลูกค้าของ ทีโอที รวมถึงการนำไปให้บริการแก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โครงข่ายเสมือน หรือ MVNO เพื่อให้เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้าและทัดเทียมนานาอารยะประเทศมาก ยิ่งขึ้น และความจุโครงข่ายที่เหลืออีกร้อยละ 80 ทีโอที จะสำรองไว้เพื่อนำมาให้บริการแก่พันธมิตรในรูปแบบการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ สำหรับการลงนามในสัญญาเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเอไอเอส และกลุ่มบริษัทในเครือ ครั้งนี้ ทีโอที ต้องขอบคุณ เอไอเอส ที่จะร่วมสร้างการเติบโตร่วมกันอีกครั้ง ทั้งนี้ การเป็นพันธมิตรธุรกิจครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการทำตามแผนแก้ไขปัญหาองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่สำคัญของ ทีโอที ในการพลิกฟื้นองค์กรให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งแม้จะมีการแข่งขันที่สูง แต่ก็มีการใช้งานที่เติบโตเร็วมากเช่นกัน ด้วยนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ และด้วยพฤติกรรมการบริโภคข้อมูลข่าวสารผ่านเครื่องมือสื่อสารไร้สาย เพื่อประโยชน์ทั้งด้านธุรกิจ และชีวิตประจำวัน โดย ทีโอที ได้มีการเตรียมพร้อมทั้งแผนยุทธศาสตร์/แผนธุรกิจ เตรียมพร้อมทั้งกำลังบุคลากร ที่พร้อมด้วยนวัตกรรม มีการพัฒนาคุณภาพบริการและความพร้อมในการเป็นกลไกสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมสู่ดิจิทัล
ด้านนายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส ต้องขอขอบคุณ ทีโอที ที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้ เอไอเอสเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาและสร้างประโยชน์ต่อองค์กร จากการลงนามร่วมพันธมิตรธุรกิจครั้งนี้ ประกอบด้วย 2 สัญญา คือ สัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ภายในประเทศ (Roaming Agreement) จากการดำเนินงานร่วมกันส่วนนี้ทีโอที จะได้รับรายได้จากการชำระค่า roaming ตามปริมาณการใช้บริการ ขณะที่ เอไอเอส สามารถบริหารจัดการโครงข่ายเพิ่มศักยภาพการบริการด้านดิจิตอลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์เพื่อให้บริการโทรคมนาคม ซึ่งในส่วนนี้ทำให้ ทีโอที มีโครงข่ายในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 2100 MHz ของ ทีโอที ได้ทั่วประเทศ ทั้งสามารถลดต้นทุนและระยะเวลาในการลงทุนโครงข่าย ซึ่ง ทีโอที สามารถนำไปให้บริการแก่ลูกค้าของ ทีโอที เอง รวมไปถึงการให้บริการ roaming หรือบริการ MVNO แก่ผู้ประกอบการ รายอื่นๆ ได้ “นับเป็นการทำงานที่บรรลุเป้าหมายร่วมกันทั้ง2 ฝ่าย แน่นอนผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ผู้ใช้บริการ เพราะสามารถใช้บริการทั้งจากทีโอทีและเอไอเอสได้ครอบคลุมและเต็มประสิทธิภาพ”
การเป็นพันธมิตรธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2100 MHz ของทั้ง ทีโอที และเอไอเอส เป็นการจับมือครั้งใหญ่อีกครั้งของผู้ประกอบการโทรคมนาคมชั้นนำ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทั้งสององค์กร ในด้านคุณภาพบริการสำหรับลูกค้า และประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยทั้งในระดับองค์กร บุคคล และประโยชน์สาธารณะ อันจะนำประเทศสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต่อไป