ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ทำให้หลายภาคส่วนต้องหยุดทำธุรกิจไปชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, ร้านค้า,โรงภาพยนตร์และอีกหลายหลายธุรกิจ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ของรัฐบาล
แต่ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่กลับทำรายได้อย่างสวยงาม นั่นคือธุรกิจขายของออนไลน์ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกไปซื้อของตามห้างร้านเหมือนปกติ จึงหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้หลายคนที่ต้องการรายได้เสริมในช่วงนี้ หันมาเป็นคนขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Instagram , Facebook , Line@ หรือจะเป็นการขายผ่าน Marketplace อย่าง Shopee, Lazada
ในบทความนี้มาดูกันว่าถ้าจะเริ่มต้นผันตัวมาเป็นพ่อค้าแม่ค้า ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
1.เลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาด
การเลือกสินค้าที่จะมาขายมีความสำคัญอย่างมาก โดยร้านค้าออนไลน์ของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็อยู่กับจุดนี้ ทั้งนี้มีปัจจัยต่างๆ ในการขายสินค้าออนไลน์ที่คุณต้องคำนึงถึงไม่ว่าจะเป็น
ความต้องการของตลาด
เริ่มจากศึกษาตลาดและความต้องการซื้อก่อน ว่าสินค้าที่คุณจะนำมาขายนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่ โดยในช่วงการระบาดของโควิด-19 สินค้าที่มีความต้องการซื้อสูงมากจะเป็นพวก หน้ากากอนามัย, แอลกอฮอล์เจล, เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งในตลาดออนไลน์มีการแข่งขันค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
คุณอาจจะลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่าคนที่อยู่บ้านเป็นเวลานานๆ จะต้องการสินค้าอะไรมาใช้งานบ้าง ก็อาจจะช่วยให้คุณได้ตีตลาดสินค้าใหม่ได้ เช่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย, เครื่องเล่นเกม, ต้นไม้ประดับในบ้าน, จานชาม
การสู้ราคากับคู่แข่งในตลาด
ราคาของสินค้าที่เราเอามาจำหน่ายนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าของเรา สามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าของเราได้จากหลายแหล่งมากเพื่อให้สินค้าราคาถูกที่สุด ดังนั้นการตั้งราคาสินค้าให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า หรือพ่วงมาด้วยโปรโมชั่นที่ดึงดูดลูกค้า ก็จะช่วยให้ร้านค้าของคุณได้เปรียบคู่แข่งได้
คุณภาพของสินค้า
ส่วนที่สำคัญที่สุดในการขายสินค้านั้นคือ คุณภาพของสินค้า ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่าร้านค้าของคุณจะได้ไปต่อในตลาดนี้หรือไม่ โดยเมื่อลูกค้าตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าของคุณไปแล้ว ถ้าพวกเขาพบว่าสินค้าดี มีคุณภาพ ก็จะเกิดการแนะนำกันต่อๆ ไปจนทำให้ร้านค้าของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
2.การเลือกแพลตฟอร์มสำหรับการขาย
การเลือกแพลตฟอร์มของสินค้าที่เราต้องการจำหน่ายนั้นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะแต่ละแพลตฟอร์มนั่นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันตามการใช้งาน เช่น บางคนชอบซื้อของบนแอปพลิเคชันมากกว่าบน Facebook เพราะสะดวกกว่า ซึ่งการเลือกแพลตฟอร์มก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน
Instagram : ลงรูปสินค้าได้ง่าย ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าเราได้ง่ายจากการจัดหมวดหมู่ด้วย Hashtag และในตอนนี้ Instagram ยังมี Feature ใหม่อย่าง Instagram Shopping ที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายใน Instagram ด้วยการลงสติ๊กเกอร์ในรูปภาพสินค้า พร้อมกับรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม
Facebook : ปัจจุบัน Facebook ได้มี Feature อย่าง Facebook Marketplace ไว้เพื่อบริการสำหรับการซื้อขายได้อย่างง่าย พร้อมทั้งยังมีการเพิ่มความสะดวกสบายในการชำระเงินผ่านทางแอพพลิเคชั่น K-Plus ของธนาคารกสิกรไทย ทำให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ง่ายมากขึ้น
Line@ : การเลือกช่องทาง Line@ มีข้อดีอยู่ที่ว่ามี Function Auto Reply สำหรับการตอบคำถามที่มีลักษณะคล้ายเดิม ก็จะเป็นการตั้งค่าตอบคำถามให้อัตโนมัติทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งตอบทีละคน ทีละข้อความ โดยสามารถทดลองใช้ฟรีได้แล้ววันนี้
Marketplace : Lazada,Shopee และอื่นๆ การเลือกขายสินค้าผ่านทางช่องทางแบบนี้มีข้อดีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าสามารถหาสินค้าเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเพราะลูกค้าสามารถไว้ใจเพราะมีตัวกลางที่เชื่อถือได้
วิธีการสมัครขายผ่าน Marketplace
สำหรับขั้นตอนการเปิดร้านค้าใน Marketplace ก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากวีดีโอด้านล่าง
- การเปิดร้านค้าและเพิ่มสินค้าลงบน Shopee
https://www.youtube.com/watch?v=ZCg8JuqwOzs
- การเปิดร้านค้าและเพิ่มสินค้าลงบน Lazada
https://www.youtube.com/watch?v=mEkNKMMV2hI
3.การขายของออนไลน์บางอย่างไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าเอง
หากในตอนนี้เราต้องการขายของออนไลน์แต่ยังไม่มีเงินทุนหรือไม่สามารถผลิตสินค้านั้นได้ด้วยตัวเอง แต่พอจะรู้ช่องทางในการรับสินค้าเหล่านั้นมาขาย ก็ยังมีการขายสินค้าบางตัวที่เราสามารถขายได้ โดยที่เราไม่ต้องมีการสต็อกสินค้าเอาไว้เอง แต่เป็นการเปิดร้านแบบที่เราเป็นนายหน้าขายสินค้า ให้ลูกค้าโอนเงินมาให้เราแล้วเราก็หักกำไร จึงโอนเงินไปให้ผู้ที่เก็บสินค้าอยู่พร้อมทั้งให้เขาส่งสินค้าไปให้ลูกค้าของเรา
4.ช่องทางการรับชำระเงินก็สำคัญ
ช่องทางการชำระเงินมีความสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อของลูกค้า เราจึงต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่าน Mobile Banking ของธนาคาร ต่างๆ หรือบัญชีพร้อมเพย์
และถ้าหากสินค้านั้นมีราคาสูงการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตก็ยิ่งจะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับร้านเรา โดยเราสามารถรับชำระผ่านบัตรเครดิตได้ผ่านตัวกลางเช่น 2C2P, Paypal เป็นต้น นอกจากนี้ถ้าหากคุณเปิดร้านค้ากับ Shopee, Lazada ก็จะมีบริการนี้ในตัวอยู่แล้ว
5.อยากขายของออนไลน์ให้ได้ดีต้องเข้าใจหลัก SEO
สำหรับร้านค้าไหนที่มีเว็บไซต์อยู่แล้ว การทำ Search Engine Optimization เป็นวิธีการทางการตลาดดิจิทัลที่จะทำให้เว็บไซต์ของ ร้านค้า บริการ ธุรกิจของคุณ ขึ้นหน้าแรกของ Google เมื่อมีการค้นหาด้วยคำ Keyword สินค้าที่พวกเขากำลังหาซื้ออยู่
โดยวิธีการนี้ไม่ได้ใช้การซื้อโฆษณา (Google Ads) ซึ่งวิธีการนี้ต้องอาศัยความรู้ด้านการวางคอนเทนต์หรือบทความที่สามารดึงดูดลูกค้าได้จากคำค้นหาซึ่งข้อได้เปรียบของการขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ Search Engine จะทำให้ร้านค้าของคุณ มีโอกาสขายสินค้าได้มากกว่า
6.ยิงโฆษณาให้คนเห็นเพิ่มมากขึ้น
การยิงโฆษณาหรือ Ads ใช้หลักการเดียวกับ SEO เพราะแน่นอนว่ายิ่งคนเห็นร้านของเรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสขายให้เรามากเท่านั้น โดยหลาย ๆ แพลตฟอร์มก็มีการเปิดให้คุณซื้อโฆษณาได้ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Facebook, Google Ads ซึ่งมีราคาให้เลือกตามขนาดของกลุ่มเป้าหมายและระยะเวลาของการโฆษณา
โดยก่อนการซื้อโฆษณาแบบนี้คุณต้องรู้กลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อสินค้าของคุณให้ดีก่อน เช่น ถ้าคุณจะขายอุปกรณ์เครื่องเขียน กลุ่มเป้าหมายที่จะได้เห็นโฆษณานี้ก็ควรจะเป็นกลุ่มที่ใช้เครื่องเขียนอยู่แล้ว อย่างกลุ่มนักเรียน, นักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศ
ซึ่งระบบการยิงโฆษณาของแต่ละแพลตฟอร์มคุณจะสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้โฆษณาได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะรัศมีที่ห่างจากร้านค้า, เพศ, อายุ, ความสนใจ, ประเภทของ Page ที่พวกเขาติดตาม
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจงแบบนี้จะมีผลดีต่อร้านของคุณเอง โดยคุณจะได้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้สินค้าเหล่านั้นจริงๆ โดยพวกเขาอาจจะตัดสินใจซื้อได้เร็ว และไม่แนะนำให้คุณยิงโฆษณาแบบหว่านกลุ่มเป้าหมายหรือกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่จนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเยอะแล้ว ผลตอบแทนที่เป็นยอดขายยังมีน้อยอีกด้วย
ตลาดออนไลน์ช่องทางหารายได้ในช่วงวิกฤต
มาอ่านถึงตรงนี้แล้วคุณจะพบว่าการเปิดร้านค้าออนไลน์นั้นไม่ได้ยากเลย เพราะมีช่องทางมากมายที่ให้คุณเลือกขาย เพียงแค่คุณสำรวจความต้องการสินค้าในตลาดให้ดี แล้วหาสินค้าเหล่านั้นมาวางขายให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า รับรองว่าจะเป็นโอกาสที่คุณจะสร้างรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้อย่างแน่นอน
