เถียงไม่ได้เลยว่าอาชีพ “แม่ค้าออนไลน์” เป็นอีกหนึ่งอาชีพยอดฮิต ที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ หลายคนใช้เป็นอาชีพเสริม จนสามารถกลายเป็นอาชีพหลักได้แบบเต็มตัว ถือเป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่ดีอย่างมหาศาล ข้อดีของการขายของออนไลน์คือสามารถลดต้นทุนในเรื่องสถานที่ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วถึงทั้งประเทศ อีกทั้งยังสร้างความสะดวกสบายให้กับคนซื้อและแม่ค้าออนไลน์ด้วยกันเอง
แต่ถึงแม้ว่าจะลดต้นทุนในเรื่องสถานที่ ค่าเช่าร้านต่าง ๆ ลงไปได้ แต่การขายของออนไลน์ก็ยังคงมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามาเป็นต้นทุนอยู่ดี แถมยังเป็นสิ่งที่แม่ค้าออนไลน์ทุกคนต้องแบกรับ ตั้งแต่ค่าโฆษณาออนไลน์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องทำโฆษณาเพื่อเพิ่มการรับรู้ต่อลูกค้าใหม่ ๆ ส่วนแบ่งกำไรจากการยืมพื้นที่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ลงขายของ อุปกรณ์ในการแพ็คของ แพ็คสินค้าต่าง ๆ รวมไปสิ่งที่เรามองว่าเป็นค่าใช้จ่ายธรรมดา เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องมีอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือค่าอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวัน ก็ต้องนับเป็นต้นทุนในการขายของออนไลน์เช่นกัน
ดังนั้น การเลือกโปรโมชันอินเทอร์เน็ตบ้านให้สมราคา คุ้มค่ากับการใช้งาน จึงถือเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดต้นทุนที่ต้องจ่ายไปต่อเดือน มองแยกตัวเลขรายเดือนอาจจะดูน้อย แต่เชื่อเถอะพอเอามารวม ๆ กันใน 1 ปี กลายเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก่อนจะเลือกอินเทอร์เน็ตบ้านให้ถูกใจสายแม่ค้าออนไลน์ได้ คุณอาจจะต้องมาเช็กตัวเอง เช็กธุรกิจของคุณก่อน มีเทคนิคการเลือกง่าย ๆ ไม่เยอะ ดังนี้
คุณเป็นแม่ค้าออนไลน์บนช่องทางไหน ?
ช่องทางการขายของออนไลน์ในปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางมาก ไม่ได้มีแค่เพียง Facebook หรือ Instagram เหมือนแต่ก่อน ดังนั้น คุณจึงควรเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่า คุณเป็นแม่ค้าออนไลน์แบบไหน มีการขายของผ่านช่องทางใดบ้าง สำหรับร้านบางร้านที่มีช่องทางการขายมากกว่า 1 ช่องทาง ให้เรียงลำดับความสำคัญ ว่าช่องทางใดมียอดขายเยอะที่สุด
อินเทอร์เน็ตบ้าน สำคัญไม่แพ้อินเทอร์เน็ตมือถือ
ถึงแม้ว่าอินเทอร์เน็ตมือถือ จะช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก ทำให้บรรดาแม่ค้าออนไลน์สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่าอินเตอร์เน็ตในมือถือยังมีข้อจำกัดอีกหลายอย่าง ตั้งแต่ความเสถียรของอินเทอร์เน็ตที่ฝั่งอินเทอร์เน็ตบ้านมีมากกว่า การใช้งานที่คุ้มค่าทั้งในแง่ของความเร็ว และจำนวนอินเทอร์เน็ตที่ได้รับแบบไม่มีจำกัด
นอกจากนี้ ต้องดูด้วยว่าเวลาส่วนใหญ่ของการขายของ - ตอบลูกค้า อัปเดตสินค้าตามช่องทางต่าง ๆ เป็นเวลาที่อยู่ที่บ้าน หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งที่สามารถติดตั้งอินเทอร์เน็ตได้หรือไม่ ยังไม่นับรวมการลงคลิปวิดีโอ ไลฟ์สดส่งเสริมการขายต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วแรง มีความเสถียรสูง ดังนั้นนอกจากการเลือกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือให้เหมาะสมกับคุณเองแล้ว การติดอินเทอร์เน็ตบ้านเพื่อซัพพอร์ตธุรกิจของคุณ ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
เลือกอินเทอร์เน็ตความเร็วในระดับที่เหมาะกับคุณ
การรู้ ฉลาดเลือกอินเทอร์ความเร็วในระดับที่เหมาะกับตัวคุณเอง นอกจากจะทำให้คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์ไม่มีสะดุดกวนใจในระหว่างขายของแล้ว สิ่งนี้ยังถือเป็นการประหยัดต้นทุนไปได้อีกทาง การเลือกความเร็วสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1
หากคุณเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของผ่าน Facebook, Instagram, Twitter มีการฝากขายในแพลตฟอร์มสำหรับซื้อ-ขายออนไลน์ต่าง ๆ ทั่วไป ต้องใช้การอัปรูป อัปคลิปสั้น ๆ บ่อย ต้องโพสต์สินค้าในโซเซียลตลอด ต้องการตอบลูกค้าได้อย่างไม่มีสะดุด แนะนำอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วตั้งแต่ 400Mbps - 500Mbps แถมความเร็วในระดับนี้ ยังสามารถดูหนัง ฟังเพลง ตอบโจทย์การใช้งานอื่น ๆ นอกจากการขายของออนไลน์ได้อีกด้วย
แบบที่ 2
หากคุณเป็นแม่ค้าออนไลน์สาย Live สด ประกาศไลฟ์แต่ละทียอดขายพุ่งกระฉูดตลอด แต่มักจะต้องเจอปัญหาไลฟ์หลุด ไลฟ์กระตุกขาดตอน ทำให้เสียโอกาสในการทำรายได้ไปเยอะ คุณต้องลองหันกลับมาเช็กที่อุปกรณ์ที่ใช้งาน และให้สำคัญกับความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่ใช้แล้ว ซึ่งอาจจะมีความเร็วแรงไม่มากพอที่จะรองรับการไลฟ์ที่ต้องใช้ Speed อินเทอร์เน็ตสูง แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงสุดระดับ 1Gbps (1Gbps/500Mbps) ความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับนี้ จะทำให้คุณสามารถไลฟ์สดขายของได้อย่างไม่มีสะดุด ไม่หลุด ไม่ขาดตอน แถมยังตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ของคุณ และคนในบ้านที่ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านร่วมกันอีกด้วย
หากคุณกำลังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตให้เข้ากับตัวคุณ ท้ายที่สุดแล้ว นอกจากการเลือกให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ อย่าลืมนึกถึงไลฟ์สไตล์การใช้งานของอื่น ๆ ของคุณเอง รวมไปถึงจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานทั้งหมดของคนในครอบครัวคุณว่ามีมากน้อยแค่ไหน พร้อมกับลอง
ทำความรู้จักกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับใช้ที่บ้าน
เพิ่มอีกเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถบอกได้แล้ว ว่าคุณควรเลือกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบไหน จึงจะเหมาะสม คุ้มค่ามากที่สุด สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ TOT (
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสมัครบริการ ) TOT Contact Center 1100 หรือ
ศูนย์บริการใกล้บ้านคุณทุกสาขา
