[TOT]COVER07_Mobile_InsideBanner
SME-tips

ใครวิตกกังวลกับโควิด-19 TOT มีวิธีแก้ไขง่ายๆ
มาทำความรู้จักกับความวิตกกังวลกันดีกว่า ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากอะไร และในสภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19 นี้ มีวิธีไหนบ้างที่จะกำจัดออกไปจากความคิดของคุณ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้

สถานะการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ขยายออกเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ทำให้หลายคนเกิดความกังวลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการ Lockdown หรือ Social Distance เองก็ต่างเป็นเรื่องใหม่จนต้องปรับตัวกันยกใหญ่เพื่อให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคนี้

ในบทความนี้มาทำความรู้จักกับความวิตกกังวลกันดีกว่า ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากอะไร และในสภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19 นี้ มีวิธีไหนบ้างที่จะกำจัดออกไปจากความคิดของคุณ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้


ความวิตกกังวลคืออะไร

ถ้าพูดถึงความวิตกกังวล ความหวาดระแวง หรือความร้อนใจ เป็นอาการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในช่วงที่กำลังประสบเหตุการณ์บางอย่างที่รู้สึกว่าอยู่เหนือการควบคุม หรือยังไม่สามารถหาทางออกกับบางเรื่องได้ ซึ่งอาจจะเกิดเกิดได้กับเรื่องใกล้ตัว เช่น

  • ใกล้สิ้นเดือนแล้ว แต่ยังหาเงินมาจ่ายบิลไม่ได้
  • การสัมภาษณ์งานในวันพรุ่งนี้
  • ในการประชุมสำคัญ

ความกังวลที่ยกตัวอย่างไปนี้ถือว่าเป็นเรื่อง “ปกติ” ที่เกิดขึ้นมาแล้วหายไปได้เองในช่วงเวลาไม่นาน หรือหายไปเมื่อคุณสามารถหาทางออกให้กับเรื่องนั้นได้


มากแค่ไหนถึงเรียกว่าวิตกกังวล

แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ความกังวลนั้นเพิ่มระดับขึ้นจนคุณรู้สึกว่าควบคุมไม่ได้ คุณยังคิดถึงแต่ความกังวลนี้ทุกวันและไม่สามารถกำจัดมันออกจากหัวไปได้ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ เช่น

shutterstock_1458114707

  • กินไม่ลง
  • นอนหลับไม่สนิท
  • หงุดหงิดง่าย
  • มองโลกในแง่ร้ายอยู่ตลอด
  • จัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ไม่ดี

นั่นหมายถึงคุณกำลังประสบปัญหากับความวิตกกังวล ที่สามารถสร้างความเครียดให้กับทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นโรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder) ได้ โดยการหลีกเลี่ยงการเกิดโรคนี้คือ การจัดการกับความเครียดและความกังวลต่างๆ ให้ได้เร็วที่สุด แต่หลายคนก็พบว่าการจะกำจัดความกังวลออกไปไม่ใช่เรื่องง่ายเล


ทำไมการหยุดวิตกกังวลถึงเป็นเรื่องยาก

ความกังวลส่งผลต่อร่างกายของคุณโดยตรง จนบางทีคุณก็รู้สึกหนักอึ้งเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ ความคิดเหล่านี้เกาะติดกับความรู้สึกของคุณไปตั้งแต่เช้าไปจนถึงก่อนเข้านอน แต่การจะเอาความกังวลเหล่านั้นออกไปจากความคิดกลับเป็นเรื่องยาก เพราะยิ่งพยายามไม่นึกถึงก็ยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับคุณ ซึ่งเป็นผลมาจาก


การคิดลบเกี่ยวกับความกังวล
หลายคนมักจะคิดว่าการประสบปัญหาความกังวลเป็นเรื่องที่ ‘อันตราย’ ต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และคิดไปถึงว่าวันหนึ่งคุณเองจะควบคุมความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้ไม่ได้ นั่นแปลว่า คุณกำลังคุณคิดต่อต้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติกับมนุษย์ทุกคนอยู่

ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้คือการปรับความคิดต่อความรู้สึกกังวลนี้ใหม่ ว่าเป็นความรู้สึกที่ทุกคนพบเจอเป็นเรื่องปกติและสามารถแก้ไขได้ เพราะถ้าเอาแต่คิดต่อต้านเอาไว้ก็มีแต่จะสร้างความเครียดสะสมให้กับคุณ

การคิดบวกเกี่ยวกับความกังวล
พออ่านข้อด้านบนไปแล้วหลายคนจะแล้วว่า จะต้องมองความกังวลในแง่บวกอยู่ตลอดเลยเหรอ? คำตอบคือ “ไม่ใช่ครับ” เพราะการปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความกังวลเป็นเวลานานๆ ไม่ได้ช่วยให้คุณสามารถแก้ไขสถานการณ์อะไรได้

ดังนั้นวิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดให้มองว่าความกังวลที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากปัญหา ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา โดยตัวคุณเองต้องเป็นผู้ที่ต้องตัดสินใจและก้าวออกมาจากความรู้สึกกังวลให้เร็วที่สุด


วิธีแก้ไขความกังวลที่เกิดขึ้นจากโควิด-19

เมื่อเข้าใจกันแล้วว่าความวิตกกังวลที่กำลังเกิดขึ้นกับหลายคนอยู่ในตอนนี้คืออะไร มาดูกันว่าแล้วความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 ล่ะ มีวิธีการกำจัดมันออกไปไหม เพราะเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่สามารถหาทางแก้ได้เอง

แต่คุณสามารถป้องกันด้วยการจัดการตัวเองได้โดยเริ่มที่ความคิดของคุณเอง และส่งต่อพลังงานดีดีไปยังคนใกล้ตัวเพื่อช่วยให้ทุกคนผ่อนคลายจากความกังวลได้

ดูแลร่างกายและจิตใจของคุณให้ดี

การจัดการความกังวลเริ่มต้นง่ายๆ ได้ที่ตัวของคุณเอง เช่น การกินอาหารที่มีประโยชน์ เพราะการกักตัวไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องกินแต่อาหารที่ตุนเอาไว้หรืออาหารสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว คุณยังคงสามารถเลือกกินได้ตามความต้องการด้วยการทำเองหรือสั่ง Food Delivery ได้

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อกำจัดความกังวล เช่น

  • ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ แม้จะอยู่แต่ที่บ้านคุณ แต่ก็อย่าใช้ชีวิตแบบปล่อยผ่านไป ให้คุณจัดตารางเวลาต่างๆ ให้เป็นปกติอย่าง กำหนดเวลาเข้านอนและตื่นนอน กินอาหารตรงเวลา ทำงานให้เป็นเวลา
  • ออกไปตากอากาศบ้าง ถึงจะออกไปไหนไม่ได้ไกล แต่ระเบียงหรือสวนหน้าบ้านก็ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับคุณได้ ลองแบ่งเวลาสัก 1 ชั่วโมงหลังตื่นเช้าหรือหลังจากทำงานเสร็จออกไปรับลมหรือไอแดดดูบ้าง
  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งกระตุ้น เมื่อคุณพบว่ามีความกังวลเกิดขึ้นอย่าใช้ทางออกด้วยการดื่มแอลกอฮอล์หรือกินยานอนหลับ 

 

ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณควบคุมได้

มีหลายสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้จนทำให้เกิดความกังวล ซึ่งโควิด-19 ก็คือหนึ่งในนั้น แต่ก็มีหลายสิ่งเช่นกันที่คุณสามารถควบคุมได้และช่วยป้องกันให้คุณไม่ต้องติดเชื้อนี้ โดยเริ่มง่ายๆ จากตัวของคุณ เช่น

  • การล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลความเข้มข้น 70%
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะ ตา จมูก ปาก
  • พยายามอยู่บ้านเอาไว้ และออกบ้านเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็น
  • หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัดที่มีคนมากกว่า 10 คน
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไกล
  • ทำตามคำแนะนำของแต่ละสถานที่ที่คุณไป

 

เชื่อมต่อกับภายนอกอยู่ตลอด แม้ว่าจะต้องห่างกัน

การทำตามนโยบาย Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเอาไว้ ทำให้หลายคนไม่ได้ออกไปพบปะกันกลุ่มเพื่อน หรือคนที่เพื่อนร่วมงานได้ตามปกติ แต่ด้วยความที่มนุษย์เราเองต้องการสังคมและการสื่อสารอยู่ตลอด การขาดการติดต่อสื่อสารเป็นเวลานานสามารถสร้างความเหงาและกังวลใจได้

ดังนั้นการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเอาไว้เป็นสิ่งสำคัญ และในยุคนี้เองก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเราสามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต

shutterstock_1723055614

  • พบว่าคุณกำลังมีความกังวลเกิดขึ้นก็สามารถติดต่อกับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวได้ผ่านการคุยโทรศัพท์ แชท หรือวิดิโอคอล
  • อย่าตัดขาดจาก Social Media เพราะช่องทางตอนนี้ไม่ได้เอาไว้ให้คุณติดตามได้แต่เรื่องราวของคนรู้จัก แต่คุณจะได้อัปเดทสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากรอบโลกได้ด้วย
  • บน Social Media ก็มีคอนเทนต์ที่อาจสร้างความกังวลหรือความเครียดให้กับคุณได้ ที่เรียกกันว่า Social Toxic เมื่อคุณพบกับสิ่งเหล่านี้ทางที่ดีให้หลีกเลี่ยงหรือปล่อยผ่านไปจะดีกว่า

 

ช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ก้าวผ่านความวิตกกังวล

นอกจากการทำให้ตัวคุณเองเข้มแข็งต่อสถานการณ์แล้ว การจะผ่านสภาวะการแพร่ระบาดเหล่านี้ไปได้ต้องการให้ความร่วมมือของคนจำนวนมาก ยิ่งกับความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 แล้ว การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ

โดยเริ่มได้จากการช่วยเหลือคนใกล้ตัวหรือเพื่อนสนิทที่กำลังประสบกับความกังวล ด้วยการสนับสนุนและช่วยสร้างพลังบวกให้แก่กัน วิธีนี้นอกจากจะช่วยสร้างความสบายใจกับคนที่ได้รับแล้ว คนให้เองก็จะได้รับความสุขใจเช่นกัน