การขายของออนไลน์ มีหลายช่องทางที่ทำให้เราเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ๆ และยังมีวิธีจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้หลายวิธี มีอยู่เครื่องมือหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์คนขายของออนไลน์ได้เป็นอย่างดี เครื่องมือนั้นคือ Line Official Account หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า Line OA ที่สามารถทำได้ 2 หน้าที่หลัก ๆ ได้แก่ การเก็บฐานข้อมูลลูกค้า และการปิดการขาย หากคุณอยากส่งคอนเทนต์ หรือโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Line OA เป็นเครื่องมือที่คุณจะต้องใช้ เรามาดูฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Line OA ว่าจะทำให้การขายของออนไลน์มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
เก็บฐานข้อมูลลูกค้าที่มีคุณภาพเอาไว้ได้ (Valid Friends)
หากเราต้องการปิดการขายโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยหาลูกค้าใหม่ เราต้องหาวิธีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าให้ได้ ซึ่ง Line OA นั้น สามารถดึงลูกค้าเข้ามาเก็บไว้ได้มากกว่า 1,000 คน ในทางกลับกันถ้าเป็นการสั่งซื้อของผ่านช่องทางอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไลน์ หลังจากที่ลูกค้าซื้อของเสร็จแล้ว รายชื่อของลูกค้าก็จะเป็นเพียงรายการแชทส่งข้อความเท่านั้น แต่ไม่ได้ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ แต่ Line OA นั้น สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เป็นระบบมากกว่า ซึ่งเราจะได้กลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพมากกว่าคนที่ติดตามในโซเชียลมีเดีย เพราะไลน์นั้นมีระบบบล็อก หรือ Block Friend คนที่บล็อกคือคนที่ไม่อยากติดตามเรา ส่วนใครที่ยังติดตามเราอยู่หมายความว่าเขาเป็น Valid Friends ที่ยังคอยติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จากเราอยู่เสมอ
ปิดการขายได้ตรงกลุ่ม กับการแบ่งกลุ่มลูกค้าก่อนที่จะบรอดแคสต์ (Segmentation)
ปัญหาของคนที่ขายของออนไลน์แล้วปิดการขายไม่ค่อยได้ มักเกิดจากการที่ส่งคอนเทนต์ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ส่งคอนเทนต์สินค้าสำหรับผู้หญิงปนไปกับกลุ่มลูกค้าเพศชายด้วย แต่ Line OA มี ฟีเจอร์ที่สามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ เช่น อายุ (Age), พื้นที่ (Area), เพศ (Gender), ระบบปฏิบัติการ (OS) และช่วงระยะเวลาของผู้ติดตาม (Friendship Peroid) แต่การจะแบ่งกลุ่มลูกค้าได้นั้น เราจะต้องมีผู้ติดตามมากกว่า 100 คน ขึ้นไปใน Line OA
ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการส่งคอนเทนต์ไปปิดการขายกลุ่มลูกค้าที่แอดไลน์เข้ามาเป็นผู้ติดตามภายในระยะเวลา 3 เดือนหลังจากนี้ เราก็สามารถทำได้จากการแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบ Friendship Peroid โดยกดเลือกไปที่ Filter Setting และเลือก Between 30 and 89 days ระบบก็จะเลือกบรอดแคสต์ไปที่กลุ่มคนที่แอดไลน์เข้ามาในช่วงเวลา 30 - 89 วัน เป็นต้น
สร้าง Rich Menus หมดปัญหาตอบคำถามลูกค้าเรื่องสินค้าและบริการ
หลายครั้งที่เราไม่มีเวลาตอบคำถามลูกค้า เวลาทักมาถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ หรือถ้าทำ Auto Response (ระบบตอบกลับเองอัตโนมัติ) ก็ไม่มั่นใจในระบบ การสร้าง Rich Menus ขึ้นมานั้น จะทำให้ลูกค้าได้เห็นตัวเลือกสินค้าหรือบริการที่อยู่บน Template โดย Rich Menus เป็นเหมือนเมนูลัดที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้เร็วขึ้น โดยสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลของสินค้าได้ตามลิงก์ที่เราได้ฝังไว้ตามช่อง Template ของ Rich Menus ซึ่งวิธีนี้สามารถแก้ปัญหาที่ไม่มีเวลามาคอยตอบคำถามลูกค้าว่า มีสินค้าอะไรบ้าง สินค้ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง มีโปรโมชันอะไรบ้าง
Card-Based Messages
ถ้าเราอยากแนะนำเมนูไหนเป็นพิเศษ การใช้ฟีเจอร์ Card-Based Messages คือวิธีแนะนำสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน เพราะฟีเจอร์นี้สามารถใส่องค์ประกอบได้ทั้งรูปภาพ ชื่อสินค้า ข้อความอธิบายสินค้าและปุ่ม CTA (Call to Action) ที่จูงใจให้กลุ่มเป้าหมายของเรากดคำสั่งซื้อสินค้าได้เลยทันที ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าเมื่อลูกค้าคลิกไปที่ปุ่ม CTA แล้ว จะให้เป็น Text ถามคำถามอัตโนมัติ หรือสามารถใส่ URL ให้ลิงก์ไปยัง Landing Page
ในวันนี้หากคุณต้องการขายของออนไลน์ที่ปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ Line Official Account คือเครื่องมือที่ตอบโจทย์คุณที่สุดแล้วในยุคนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทำ CRM หรือบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม และเราต้องรู้ให้ได้ว่า
แม่ค้าออนไลน์หาลูกค้าจากที่ไหนบ้าง
เพื่อดึงดูดให้พวกเขาแอดไลน์มาหาเรา และอีกหนึ่งปัจจัยที่เราจะขาดไม่ได้เลยก็คือ อินเทอร์เน็ต หรือ
เน็ตบ้านคุณภาพ
ที่จำเป็นต่อการทำงานออนไลน์ การมีอินเทอร์เน็ตที่ดี และมีเครื่องมือการตลาดที่มีประสิทธิภาพ 2 อย่างนี้สามารถยกระดับธุรกิจเราได้